Pressure Test Procedures

วิธีการทดสอบความดันของระบบ

 ความสำคัญ

หากไม่มีการทดสอบความดันอย่างถูกต้อง ระบบอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์รั่วไหลของก๊าซหรือของเหลวที่เป็นอันตราย ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ ความเสียหายของทรัพย์สิน หรือการหยุดชะงักของกระบวนการผลิต

ขอบเขต (Scope)

ท่อ (Piping)

  • อุปกรณ์ประกอบ เช่น วาล์ว, หน้าแปลน, ข้อต่อ, เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน, ปั๊ม ฯลฯ
  • การติดตั้งที่ทำในภาคสนาม (Field-installed)
  • ใช้ได้ทั้งสำหรับระบบก๊าซและของเหลว

ไม่ครอบคลุม:

  • ภาชนะรับแรงดันที่ผลิตจากโรงงาน (Shop-fabricated pressure vessels) ซึ่งจะถูกทดสอบตามมาตรฐานการผลิตที่เกี่ยวข้องแล้ว

ระบบที่ถูกควบคุมภายเฉพาะ เช่น หม้อไอน้ำ

คำจำกัดความ (Definitions)

เอกสารให้คำจำกัดความคำสำคัญ เช่น:

  • Pressure Test: การใช้ของไหล (น้ำ, ก๊าซเฉื่อย, หรือของเหลวที่เหมาะสม) เพื่อสร้างความดันในระบบเพื่อตรวจสอบความแข็งแรงและการรั่วไหล
  • Leak Test: การทดสอบเพื่อตรวจหาการรั่ว โดยทั่วไปจะใช้ก๊าซและทำที่ความดันต่ำ
  • Proof Test (Strength Test): การทดสอบเพื่อยืนยันความแข็งแรง โดยมักใช้ที่ความดันสูงกว่าความดันใช้งาน
  • Test Medium: ของเหลวหรือก๊าซที่ใช้สำหรับการทดสอบ เช่น น้ำ, ไนโตรเจน, อากาศ
  • MAWP (Maximum Allowable Working Pressure): ความดันใช้งานสูงสุดที่อุปกรณ์สามารถทนได้อย่างปลอดภัย
  • Design Pressure: ความดันที่ระบบถูกออกแบบมาให้รองรับ

อันตรายที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบความดัน (Hazards)

  • พลังงานสะสม (Stored Energy): หากเกิดการแตกหรือรั่ว อาจปลดปล่อยพลังงานจำนวนมาก
  • การกระเด็น (Projectile Hazards): ชิ้นส่วนหรือเศษวัสดุอาจถูกดีดออกมาอย่างรุนแรง
  • การรั่วไหลของก๊าซอันตราย: อาจก่อให้เกิดการขาดอากาศหายใจ, พิษ, หรือการระเบิด
  • การจัดการไม่ถูกต้อง: การใช้เกจหรืออุปกรณ์ที่ไม่ได้สอบเทียบ หรือการปิดกั้นไม่เหมาะสม

แนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัย (Safe Practices)

  • ต้องมี แผนการทดสอบ (Test Plan) ที่ผ่านการอนุมัติ
  • กำหนด เขตห้ามเข้า (Exclusion Zone) รอบพื้นที่ทดสอบ
  • ใช้ Pressure Relief Device เสมอ โดยตั้งค่าต่ำกว่าความดันออกแบบเล็กน้อย
  • ต้องมีผู้รับผิดชอบควบคุมดูแลการทดสอบ
  • ผู้เข้าร่วมต้องสวม PPE ที่เหมาะสม เช่น แว่นตานิรภัย, หมวกแข็ง, ที่อุดหู, และถุงมือ
  • ห้ามใช้ ออกซิเจน เป็นสารทดสอบโดยเด็ดขาด

การปฏิบัติที่ดีในการทดสอบ (Best practice in pressure test)

1. วัตถุประสงค์ (Purpose)

    เพื่อให้มั่นใจว่าการทดสอบความดัน (Pressure Test) ดำเนินการอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งระบบความดันใหม่และระบบที่มีอยู่แล้ว รวมถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ

    ใช้บังคับกับบุคคลเหล่านี้:

  • ช่าง (Mechanics)
  • หัวหน้างาน (Supervisors)
  • ผู้จัดการงานก่อสร้างภาคสนาม (Field Construction Managers)
  • ผู้ตรวจสอบ (Inspectors)
  • ผู้ดูแลระบบ (Custodians)
  • ผู้รับเหมาช่วงที่รับผิดชอบการทดสอบ
  • ผู้จัดการโครงการระบบความดัน (Pressure Systems Program Manager)

2. ขั้นตอนการทดสอบ (Procedures)

    การทดสอบความดันมีจุดประสงค์เพื่อยืนยันความปลอดภัย (Safety) ความน่าเชื่อถือ (Reliability) และความแน่นหนา (Leak tightness) ของระบบ

    ต้องทดสอบความดัน

  • ระบบใหม่ ก่อนนำมาใช้งาน
  • ระบบเดิม ที่ผ่านการซ่อมแซมหรือดัดแปลง

    วิธีการทดสอบมี 2 แบบ

  1. Hydrostatic Test → ใช้น้ำเป็นตัวกลาง
  2. Pneumatic Test → ใช้อากาศ ไนโตรเจน หรือก๊าซที่ไม่ติดไฟและไม่เป็นพิษ

    โดยทั่วไปจะใช้วิธี Hydrostatic เป็นหลัก ยกเว้นมีเหตุผลที่ยืนยันได้ว่าจำเป็นต้องใช้ Pneumatic

    ข้อกำหนดเพิ่มเติม:

  • ต้องใช้เกจวัดความดันที่ได้รับการสอบเทียบภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา
  • เกจควรเลือกให้ค่าความดันทดสอบอยู่ในช่วง 1/3 ตรงกลางของสเกล
  • เกจและของไหลต้องเข้ากันได้ (Compatible)
  • ควรใช้ Blind Flange หรือฝาปิดชั่วคราว เพื่อป้องกันความเสียหายต่อวาล์ว

    การทดสอบทุกครั้งต้อง:

  • ทำภายใต้สภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้
  • มีแผนการทดสอบที่ได้รับอนุมัติจากผู้เชี่ยวชาญ
  • มีการบันทึกผลการทดสอบ

2.1 การทดสอบแบบ Hydrostatic

    เป็นวิธีที่แนะนำให้ใช้เป็นหลัก

2.2 การทดสอบแบบ Pneumatic

    การทดสอบนี้มีความเสี่ยงสูงกว่า Hydrostatic เนื่องจากมีพลังงานสะสมมากกว่า
    อนุญาตให้ทำได้เมื่อ:

  • ไม่สามารถใช้น้ำเติมระบบได้
  • ระบบที่จะใช้งานไม่สามารถมีสารตกค้างจากการทดสอบได้

หมายเหตุสำคัญ:

  • ต้องได้รับอนุมัติจากผู้จัดการโครงการระบบความดัน
  • ต้องมีแผนผังระบบท่อสำหรับการทดสอบ
  • ต้องติดตั้ง Pressure Relief Valve เสมอ

2.3 ขั้นตอนการทดสอบ (Test Procedure)

    การวางแผน (Planning):

  1. ช่าง (Mechanic) → จัดทำแผนการทดสอบความดันร่วมกับวิศวกรโครงการ และส่งอนุมัติ
  2. หัวหน้างาน (Supervisor) → อนุมัติแผน
  3. ผู้จัดการภาคสนาม (FCM) → อนุมัติแผน
  4. ผู้จัดการโครงการระบบความดัน → อนุมัติแผน (ไม่จำเป็นในกรณีการทดสอบระบบที่มีอยู่แล้วตามปกติ)

    การปฏิบัติ (Performing):


    5. ช่าง → ตรวจสอบว่าเกจวัดได้รับการสอบเทียบล่าสุด
    6. ช่าง → ถอดวาล์วนิรภัยหรืออุปกรณ์ที่ไม่ปิดกลับอัตโนมัติ (ถ้าความดันทดสอบเกินค่าเซ็ตของวาล์ว) หรือกดวาล์วด้วย Clamp ที่เหมาะสม
    7. ช่าง → ติดตั้งเกจวัดให้มองเห็นได้ตลอดเวลา
    8. ช่าง → ตรวจสอบ Skillet Blanks, Test Plugs ว่าเหมาะสมและไม่มีตำหนิ
    9. ช่าง → กั้นเขตห้ามเข้า (Exclusion Zone) และให้เฉพาะผู้เกี่ยวข้องอยู่ในพื้นที่
    10. ผู้ตรวจสอบ (Inspector) → ตรวจสอบแผนที่อนุมัติแล้วและอุปกรณ์ทดสอบ
    11. ผู้ตรวจสอบ → เฝ้าดูการทดสอบทั้งหมด
    12. ช่าง → เฝ้าตรวจสอบไม่ให้ความดันเกินค่าที่กำหนด
    13. ช่าง → การทดสอบ Hydrostatic เติมน้ำและไล่อากาศออก
    14. ช่าง → เพิ่มความดันตามแผน ถือไว้ตามเวลาที่กำหนด และสังเกตการรั่วไหล
    15. ช่าง → การทดสอบ Pneumatic ลดความดันลงสู่ค่าการออกแบบแล้วตรวจสอบ
    16. ช่าง → ใช้น้ำสบู่ตรวจรอยรั่วที่จุดเชื่อม วาล์ว หน้าแปลน
    17. ช่าง → ถ้ามีการบิดงอผิดรูป → ปฏิเสธระบบหรือซ่อมตามที่ผู้ตรวจแนะนำ
    18. ช่าง → ถ้ามีการรั่วซึม → ซ่อมแล้วกลับไปเริ่มที่ขั้นตอน 13 หรือปฏิเสธระบบ
    19. ช่าง → หลังเสร็จสิ้น:

  • Pneumatic → ระบายก๊าซออกไปยังจุดที่อนุมัติแล้ว และคืนค่า Relief Devices
  • Hydrostatic → ระบายแรงดันและทิ้งน้ำทดสอบตามแผน

การบันทึก (Recording):
    20. ผู้ตรวจสอบ → เซ็นบันทึกการทดสอบ
    21. ช่าง → จัดทำบันทึกผลการทดสอบ ส่งให้ผู้จัดการระบบ และสำนักงานตรวจอาคาร (ถ้ามี)
    22. ช่าง → ส่งสำเนาแผนและบันทึกให้ผู้ดูแลระบบ

2.4 แรงดันทดสอบ (Test Pressure)

  • อ้างอิงจากมาตรฐาน ASME, NFPA และกฎหมายท้องถิ่น (Code of Regulations)
  • ระบบท่อ (Piping): อ้างอิงจาก Maximum Design Pressure
  • ภาชนะรับแรงดัน (Pressure Vessel): อ้างอิงจาก Maximum Allowable Working Pressure (MAWP)
  • ไม่ควรทดสอบที่แรงดันสูงกว่าค่าทดสอบเดิม

    หมายเหตุ: ต้องไม่มีการตกลงของความดันในช่วงเวลาทดสอบ เว้นแต่มีข้อกำหนดไว้

    มีตาราง Test Pressure ที่อ้างอิง ASME B31, BPVC, NFPA, CPC, CMC ซึ่งระบุค่าการทดสอบต่าง ๆ เช่น:

  • Pressure Vessel (Division 1, Division 2)
  • Building Services (Hydrostatic/Pneumatic)
  • Process Piping
  • Plumbing Fixtures
  • Sewer Lines
  • Fire Protection Systems (Wet Pipe, Dry Pipe)
  • Hydronic Piping
  • Fuel Gas
  • Vacuum Systems

2.5 แผนการทดสอบ (Test Plans)

แผนต้องประกอบด้วย:

  • แบบฟอร์มแผนการทดสอบที่อนุมัติแล้ว
  • แบบรูปของระบบและขอบเขตการทดสอบ
  • แผนผังเขตกั้น (Exclusion Zone)
  • รายละเอียดอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบ (พร้อมค่าแรงดันและ Relief Valve Setting)
  • ใบ Calibration ของเกจวัด
  • ขั้นตอนการทดสอบละเอียด

3. แบบฟอร์ม (Forms)

  • Pressure Test Plan Form
  • Pressure Test Record Form
  • Pressure Systems Database

4. การเก็บบันทึก (Record keeping)

  • ผู้ดูแลระบบ (Custodian) ต้องเก็บสำเนาแผนและบันทึกอย่างน้อย 5 ปี
  • ผู้จัดการโครงการระบบความดันต้องเก็บถาวร

5. เอกสารอ้างอิง (References)

  • ESH Manual, Chapter 14 “Pressure Systems”
  • ASME BPVC, ASME B31 Codes
  • NFPA 13 “Standard for Installation of Sprinkler Systems”
  • Mechanical/Plumbing Codes (CMC, CPC)
  • National Board Inspection Code (NBIC)
  • Brookhaven National Laboratory Vacuum Guidelines