Noise and noise control

การสัมผัสเสียงและอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน

การสัมผัสเสียงหมายถึงปริมาณและระยะเวลาที่บุคคลสัมผัสกับเสียง ซึ่งถือเป็นอันตรายทั้งในด้านการทำงานและสิ่งแวดล้อม ที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินอย่างถาวร อาการหูอื้อ (เสียงดังในหู) และผลกระทบต่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจและหลอดเลือด

การวัดระดับเสียงและแนะนำการสัมผัสเสียง

noise and noise control

เสียงวัดเป็นหน่วยเดซิเบลเอ (dBA) การสนทนาในชีวิตประจำวันมีระดับเสียงประมาณ 60 dBA การจราจรในเมืองประมาณ 85 dBA และเครื่องมือเสียงดังหรือคอนเสิร์ตสามารถสูงถึง 100 dBA หรือมากกว่า

ระดับเสียงที่เริ่มมีความเสี่ยงต่อการได้ยินมักอยู่ที่การสัมผัสเสียงระดับ 80–85 dBA อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ชั่วโมง การสัมผัสเสียงกระแทกเพียงครั้งเดียว (เช่น เสียงปืนที่เกิน 140 dBA) ก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน

 ประเภทของเสียง

1. Continuous Noise คือ เสียงรบกวนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบบไม่ขาดตอน และมีจังหวะที่ชัดเจน เช่น เสียงการทำงานอย่างต่อเนื่องของเครื่องจักร และเสียงเครื่องยนต์ เป็นต้น

2. Intermittent Noise คือ เสียงรบกวนที่เกิดขึ้นเป็นระยะ แบบไม่มีจังหวะที่ชัดเจน เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่เกิดเป็นปกติ เช่น เสียงรถไฟ, เสียงเครื่องบิน เป็นต้น

เป็นประเภทของเสียงรบกวนที่ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตของคุณ(หากต้องอาศัยติดอยู่กับแหล่งกำเนิดเสียงรบกวนเหล่านี้) ส่งผลให้เราตั้งสมาธิจดจ่อกับอะไรสักอย่างได้ยาก ผู้คนที่มีเงิน(รวย) ยอมที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อเลือกที่อยู่อาศัยให้ไกลจากรางรถไฟ, สนามบิน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ เพราะนั้นหมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า

3. Impulsive Noise คือ เสียงรบกวนที่เกิดขึ้นแบบสุ่ม (สุ่มจริงๆ ครับ) ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยเวลา หรือปัจจัยใดๆ เช่น เสียงระเบิด, เสียงบีบแตรรถ หรือเสียงเด็กเวร(แว๊น)เร่งเครื่อง เป็นเสียงรบกวนที่ดัง และด้วยความที่เกิดขึ้นแบบสุ่ม จึงเป็นเสียงรบกวนที่ส่งผลเสียต่อคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้คนมากที่สุด

4. Low Frequency Noise คือ เสียงรบกวนความถี่ต่ำที่เกิดขึ้นจากวัตถุ หรือสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเราในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นประเภทของ เสียงรบกวนที่ลด หรือป้องกันได้ยากที่สุด เป็นเสียงรบกวนที่ทำให้บรรยากาศภายในห้องที่ควรจะเงียบสงัด ไม่สงัดเท่าที่ควร โดยที่เสียงรบกวนประเภทนี้จะมีระดับความดังอยู่ที่ประมาณ 30-40 dB

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะลด หรือป้องกัน Low Frequency Noise ได้ยากมากๆ แต่ตามปกติแล้วเราแทบจะไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้ เว้นแต่ว่าเราจะมุ่งความสนใจไปที่เสียงเหล่านั้น เช่น เสียงวงจรการทำงานของนาฬิกาคุณปู่ ,เสียงเครื่องปรับอากาศ หรือเสียงการทำงานของคอมพิวเตอร์

ผลกระทบจากการสัมผัสเสียง

1. การสัมผัสเสียงดังในระยะสั้นอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการได้ยินชั่วคราว หรืออาการหูอื้อ

2. การสัมผัสเสียงระดับอันตรายอย่างต่อเนื่องสามารถทำให้เกิดความเสียหายถาวรต่อการได้ยิน ซึ่งไม่สามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้

3. ผลกระทบต่อสุขภาพอื่น ๆ ได้แก่ การนอนหลับถูกรบกวน ความเครียดเพิ่มขึ้น และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจที่มากขึ้น

ผลกระทบของ Noise ที่มีผลต่อสุขภาพ

รบกวนการนอนหลับ

    อย่างที่ผมได้บอกไปแล้วว่า Noise นั้นมีหลายประเภท โดยที่ประเภทที่ส่งผลโดยตรงต่อการนอนหลับของคน (จน) ที่ไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะเลือกที่อยู่อาศัย คือ Impulsive Noise ที่คอยรบกวนเวลานอนอันน้อยนิดที่แสนมีค่าของผู้คน หลังจากการทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งวัน แต่เมื่อถึงบ้าน กลับต้องพบเจอกับเสียงเร่งเครื่อง เสียงบีบแตร ใดๆ ก็แล้วแต่ ส่งผลให้เวลาที่นอน ก็นอนหลับได้ไม่สนิท กลางดึกก็ต้องมาตื่นเพราะเสียงเร่งเครื่องของเด็กเวร ชีวิตดีดีที่ลงตัว

ความเครียด และความวิตกกังวล

    ในต่างประเทศได้มีผลวิจัยไม่รู้กี่ตัว ที่บ่งชี้ว่า เสียงรบกวนที่มากเกิน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระดับความเครียดสะสม และความวิตกกังวลของมนุษย์ การสัมผัสกับเสียงรบกวนสะสมเป็นเวลานานๆ ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียด ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพระยะยาว ที่คนจนอย่างเราๆ ไม่สามารถที่จะเลือกได้

ผลกระทบของเสียงที่มีผลต่อความคิดสร้างสรรค์ และผลิตผลที่ลดลง

เสียงรบกวน เป็น ปัจจัยสำคัญ ที่คอยบั่นทอน ความคิดสร้างสรรค์ และ Productivity ของผู้คน ไม่ว่าจะเป็น เด็กนักเรียน หรือคนทำงานอย่างเราๆ เพื่อที่จะทำงานให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุด สมาธิ (Focus) คือหัวใจสำคัญ สภาพแวดล้อมที่ปราศจากเสียงรบกวนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

ประเภทของอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน (HPDs)

    • ที่อุดหู (Earplugs): สอดเข้าไปในช่องหู มีทั้งแบบใช้แล้วทิ้งและแบบใช้ซ้ำได้
    • ครอบหู/ที่ครอบหูป้องกันเสียง (Earmuffs/Ear defenders): สวมครอบที่หู เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังมาก
    • ปลอกครอบหู (Canal caps): อุปกรณ์กึ่งสอดที่ปิดทางเข้าช่องหู
    • อุปกรณ์ป้องกันเสียงแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic HPDs): ใช้เทคโนโลยีลดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ อาจอนุญาตให้ได้ยินเสียงรอบข้างที่ปลอดภัย ขณะบล็อกเสียงอันตราย

    ตรฐนอ้งอิงเกี่ยวกับการวัดเสียง

    คู่มือการตรวจวัดเสียงรบกวนฉบับนี้มีเนื้อหาอ้างอิงตามประกาศกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและประกาศคณะกรรมการควบคุมมลพิษ เกี่ยวกับมาตรฐานและวิธีการตรวจวัดเสียงรบกวน รวมทั้งอ้างอิงมาตรฐานสากลต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยคู่มือฉบับนี้ได้จัดทำและเผยแพร่ในช่วงที่เอกสารที่ใช้อ้างอิงดังกล่าว ประกาศบังคับใช้ ซึ่งรายการเอกสารอ้างอิงมีดังต่อไปนี้

    • ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่29 (พ.ศ. 2550) เรื่อง ค่าระดับเสียงรบกวน ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2550 (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 98 ง วันที่ 16 สิงหาคม 2550)

    • ประกาศคณะกรรมการควบคุมมลพิษ เรื่องวิธีการตรวจวัดระดับเสียงพื้นฐาน ระดับเสียงขณะไม่มีการรบกวน การตรวจวัดและคำนวณระดับเสียงขณะมีการรบกวน การคำนวณค่าระดับการรบกวน และแบบบันทึกการตรวจวัดเสียงรบกวน พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 21 กันยายน 2565 (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 139 ตอนพิเศษ 266 ง วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565)

    • มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก 929-2533 กฎการปัดเศษ

    • IEC 61672-1: 2013, Electroacoustics – Sound level meters – Part 1: Specifications

    • IEC 61672-2: 2013+AMD1: 2017, Electroacoustics – Sound level meters -Part 2: Pattern evaluation tests

    • IEC 61672-3: 2013, Electroacoustics – Sound level meters – Part 3: Periodic tests

    • IEC 60942: 2017, Electroacoustics – Sound calibrators 6

    นิยมศัพท์

    เดซิเบล (Decibel, dB)

        หน่วยวัดระดับเสียง (ระดับความดันเสียง) รายงานในรูปของสัดส่วนเชิงลอการิทึม โดยอ้างอิงที่ระดับความดัน 20 ไมโครปาสคาล (20 μPa) บางครั้งการรายงาน ค่าระดับเสียงอาจลงท้ายหน่วยด้วยตัวอักษร A หรือ (A) เช่น dB(A) หรือ dBA หมายถึงค่าระดับความดันเสียงที่วัดโดยใช้ฟังก์ชั่นวงจรถ่วงน้ำหนักความถี่ A (Frequency weighting A)

    เครื่องวัดระดับเสียง หรือ มาตรระดับเสียง (Sound Level Meter)

        เครื่องวัดระดับเสียงตามมาตรฐานคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยเทคนิค ไฟฟ้า (International Electrotechnical Commission : IEC) หมายเลข IEC 61672-1, Electroacoustics – Sound level meters – Part 1: Specifications ระดับ ความถูกต้อง class 1

    เครื่องกำเนิดสัญญาณเสียงอ้างอิง (Acoustic calibrator)

        อุปกรณ์กำเนิดเสียงที่มีระดับเสียงและความถี่ที่แน่นอน ใช้ในการปรับเทียบ ความถูกต้องเครื่องวัดระดับเสียง เครื่องกำเนิดสัญญาณเสียงอ้างอิงเป็นไปตามมาตรฐาน คณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยเทคนิคไฟฟ้า หมายเลข IEC 60942, Electroacoustics – Sound calibrators ระดับความถูกต้อง class 1

    การปรับเทียบ (Adjustment)

        การปรับแต่งค่าของเครื่องมือวัด เพื่อให้เครื่องมือวัดสามารถแสดงผลการวัด ได้ถูกต้อง สำหรับการปรับเทียบเครื่องวัดระดับเสียงจะกระทำ โดยใช้เครื่องกำเนิด สัญญาณเสียงอ้างอิง บางครั้งจะถูกเรียกว่า Field calibration check 7