สแตติกมิกเซอร์ หรือ เครื่องผสมแบบสถิต

เครื่องผสมแบบสถิต (Static mixer) ทำให้ของไหลผสมกันอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ชุดขององค์ประกอบผสมที่อยู่กับที่ เพื่อแบ่ง จัดเรียงใหม่ และรวมกระแสของไหลเข้าด้วยกัน โดยสามารถใช้หลักการของทั้งการไหลแบบลามินาร์ (Laminar flow) และการไหลแบบปั่นป่วน (Turbulent flow) ได้โดยไม่ต้องมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว องค์ประกอบภายในจะทำหน้าที่แบ่งกระแสของไหลออกเป็นชั้นบาง ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วจึงรวมเข้าด้วยกันใหม่ ส่งผลให้เกิดการจัดชั้นของของไหลอย่างทวีคูณในกรณีของการไหลแบบลามินาร์ หรือทำให้เกิดการหมุนวนและแรงเฉือนในกรณีของการไหลแบบปั่นป่วน เพื่อให้ได้การผสมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลักการทำงาน (Principle of Operation)
- ของไหลจะถูกบังคับให้ไหลผ่านองค์ประกอบผสม (Mixing elements) ที่จัดเรียงสลับมุมกัน เช่น 180°, 90°, หรือ 60°
- องค์ประกอบแต่ละชั้นจะทำให้เกิดการแบ่งและหมุนของกระแสไหล ทำให้เกิดการผสมที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- ใช้พลังงานจากแรงดันของของไหลเอง จึงไม่ต้องใช้มอเตอร์หรือระบบขับเคลื่อนเพิ่มเติม

Static Mixer เดิมใช้ในตลาดเฉพาะทาง แต่ปัจจุบันถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมกระบวนการต่าง ๆ
- ข้อดีคือ ประสิทธิภาพสูง ต้นทุนดูแลต่ำ แข็งแรง ทนทาน และทำงานต่อเนื่องได้
- ใช้สำหรับการ ผสม การเกิดปฏิกิริยา การทำอิมัลชัน และการถ่ายเทความร้อน
- Static Mixer หรือ Motionless Mixer คืออุปกรณ์ที่ติดตั้งในท่อ เพื่อทำให้ของไหลถูกแบ่งและหมุนสลับกัน
- ช่วยให้ของไหลผสมกันได้ดีขึ้นกว่าการไหลในท่อเปล่า
- ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว ⇒ บำรุงรักษาง่าย ติดตั้งเหมือนท่อทั่วไป
- ใช้พลังงานจาก แรงดันของของไหลเอง
- ต้องคำนึงถึงการสูญเสียแรงดัน (Pressure drop) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกขนาดและรุ่นของ Mixer
การออกแบบของ Static Mixer
- มีหลายแบบ เช่น แผ่น (Plates), แผ่นเบี่ยง (Baffles), ใบเกลียว (Helical elements) หรือ ช่องทางเรขาคณิต (Grids)
- รูปร่างอาจเป็น ท่อกลม สี่เหลี่ยม หรือสั่งพิเศษ
- ประสิทธิภาพการผสมสามารถคำนวณได้จาก อัตราการไหล ความหนืด ความหนาแน่น และสัดส่วนของส่วนผสม
- ตัวชี้วัดหลักคือ Radial Coefficient of Variation (CoV) ค่ามาตรฐานที่ยอมรับได้คือ ≤0.05 (หรือ “95% ผสมแล้ว”)

การทำงานของเครื่องผสมแบบสถิต (Static Mixer)
ของเหลวที่ผสมกันได้ยาก
ลองเทน้ำมันสลัดลงบนผิวน้ำ จะเห็นว่าน้ำมันลอยอยู่ด้านบนเป็นชั้นแยกจากน้ำอย่างชัดเจน หรือลองเป่าลมลงในของเหลว จะเห็นว่ามีฟองอากาศเกิดขึ้น แต่ไม่นานก็จะหายไป ฟองในน้ำมันข้นจะอยู่ได้นานกว่าในน้ำ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า น้ำมัน น้ำ และแก๊ส ไม่ต้องการผสมเข้าด้วยกันง่าย ๆ ปรากฏการณ์เหล่านี้ที่เราเห็นในบ้านหรือในครัว เกิดจากหลักการทางฟิสิกส์เดียวกับที่อุตสาหกรรมต้องเผชิญเช่นกัน ซึ่ง เครื่องผสมแบบสถิต เป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมาก
การผสมเกิดจากการบังคับให้ของไหลไหลผ่าน
เครื่องผสมแบบสถิตประกอบด้วยท่อที่ภายในมีชิ้นส่วนขึ้นรูป (เรียกว่า Mixing elements) ซึ่งทำหน้าที่รบกวนและเปลี่ยนแปลงลักษณะการไหลของของเหลวให้เกิดการผสมอย่างทั่วถึงจนได้ของผสมที่เป็นเนื้อเดียวกัน
ในกระบวนการอุตสาหกรรม ของไหลจะถูกป้อนเข้าท่อด้วยแรงดันจากอุปกรณ์ภายนอก เช่น ปั๊ม ไม่มีส่วนที่เคลื่อนไหวในเครื่องผสมแบบสถิต ทำให้มีข้อดีหลายประการ เช่น
- ไม่ต้องบำรุงรักษา
- ใช้พลังงานต่ำมาก
- ไม่มีส่วนไฟฟ้าที่อาจก่อให้เกิดบรรยากาศระเบิดได้
การกำหนดจำนวนและรูปแบบของชิ้นส่วนผสมต้องอาศัยความรู้และการคำนวณที่ซับซ้อน มักใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์และซอฟต์แวร์เพื่อออกแบบให้เหมาะสม
การใช้งาน Static mixer
เครื่องผสมแบบสถิตสามารถใช้ได้ในกระบวนการหลากหลาย เช่น
- การผสมและทำให้เนื้อเดียวกัน (Blending)
- การเติมสารเคมี (Dosing)
- การกระจายตัวหรือสร้างอิมัลชัน (Dispersion & emulsion formation)
- การแลกเปลี่ยนความร้อนแบบการไหลลามินาร์
- การถ่ายเทมวล (Mass transfer)
- การใช้เป็นรีแอกเตอร์แบบ “Plug flow” ในท่อ
โดยทั่วไป การผสมจะอาศัยหลักการการไหล 2 แบบจากทฤษฎีการไหล คือ

- การไหลแบบลามินาร์ (Laminar Flow)
- การไหลแบบปั่นป่วน (Turbulent Flow)
การไหลแบบลามินาร์ (Laminar Flow) ของไหลจะถูกแบ่งออกเมื่อชนกับขอบหน้าขององค์ประกอบแต่ละชิ้น แล้วเคลื่อนไปตามช่องทางที่เกิดจากรูปทรงขององค์ประกอบนั้น เมื่อผ่านองค์ประกอบถัดไป ช่องทางทั้งสองจะถูกแบ่งออกอีกครั้ง ส่งผลให้เกิด การจัดชั้น (Stratification) ของของไหลเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
จำนวนชั้นที่เกิดขึ้นสามารถคำนวณได้จากสมการ
จำนวนชั้น (Striations) = 2ⁿ
โดยที่ n = จำนวนองค์ประกอบภายในเครื่องผสม
การผสมในแนวรัศมี (Radial Mixing)
ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะ การไหลแบบปั่นป่วน (Turbulent) หรือ แบบลามินาร์ (Laminar) ของไหลที่ถูกประมวลผลจะเกิด การหมุนวนรอบศูนย์กลางของกระแสไฮดรอลิก (Hydraulic center) ภายในแต่ละช่องขององค์ประกอบ ทำให้เกิดการ ผสมในแนวรัศมี
ผลลัพธ์คือของไหลจะถูกผสมจนมีการกระจายตัวสม่ำเสมอ ลดหรือขจัดความแตกต่างในแนวรัศมีของ
- อุณหภูมิ
- ความเร็วของการไหล
- องค์ประกอบของสาร
รูปแบบของเครื่องผสมแบบสถิตมีหลายชนิด ตัวอย่างเช่น
- แบบแผ่น (Plate-type mixer)
- แบบท่อทรงกระบอกหรือทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งภายในบรรจุองค์ประกอบผสม (Mixing elements)
ขนาดของเครื่องผสมมีตั้งแต่เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 มิลลิเมตร ถึง 6 เมตร
เครื่องผสมแบบแผ่น (Plate-type Static Mixer)
ในเครื่องผสมแบบสถิตชนิดนี้ การผสมจะเกิดขึ้นจาก ความปั่นป่วนอย่างรุนแรง (Intense turbulence) ภายในกระแสการไหลของของไหล เมื่อของไหลเคลื่อนผ่านแผ่นหรือช่องเปิดที่ออกแบบเป็นพิเศษ จะเกิดการหมุนวนและกระแสปั่นป่วน ทำให้ของไหลผสมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ
Housed-elements design

ภาพแสดงหลักการทำงานของเครื่องผสมแบบสถิต

การแบ่งการไหล (Flow Division) ในเครื่องผสมแบบสถิตที่ใช้แผ่นกั้น (Baffles)
การแบ่งการไหลในเครื่องผสมแบบสถิตที่มีแผ่นกั้นขึ้นอยู่กับ จำนวนขององค์ประกอบ (Elements) ภายในเครื่องผสม
ใน เครื่องผสมแบบ Housed-elements design องค์ประกอบผสม (Static mixer elements) จะประกอบด้วย แผ่นกั้น (Baffles) ที่ทำจากโลหะหรือวัสดุพลาสติกชนิดต่าง ๆ ตัวโครงของเครื่องผสม (housing) เองก็สามารถทำจากโลหะหรือพลาสติกได้เช่นกัน
การออกแบบแบบนี้จะมีระบบสำหรับ ส่งของไหลสองกระแส เข้าสู่เครื่องผสม เมื่อของไหลทั้งสองเคลื่อนผ่านองค์ประกอบภายใน (ซึ่งไม่เคลื่อนไหว) วัสดุจะถูกผสมเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่อง
การผสมให้สมบูรณ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่
- คุณสมบัติของของไหล
- เส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อ
- จำนวนองค์ประกอบภายใน
- และรูปทรงขององค์ประกอบเหล่านั้น
องค์ประกอบของเครื่องผสมแบบ Housed-elements มักเป็น แบบเกลียวคงที่ (Fixed helical elements) ซึ่งสามารถสร้างทั้งรูปแบบของ
- การแบ่งการไหล (Flow Division)
- การผสมในแนวรัศมี (Radial Mixing)
ได้ในเวลาเดียวกัน
หลักการทำงานจะขึ้นอยู่กับประเภทของการผสม ดังนี้
1. ของเหลว/ของเหลว แบบลามินาร์ (Laminar Flow, Re < 2000)
กลไกหลัก: การแบ่งชั้นของการไหล (Flow Division)
ภายในท่อจะมีแผ่นผสมลักษณะเป็นเกลียวหรือกึ่งเกลียว เรียงสลับซ้าย-ขวา 180° ต่อเนื่องกัน ของเหลวที่ไหลเข้าองค์ประกอบแรกจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น
องค์ประกอบที่สองจะแบ่งต่อเป็น 4 ชั้นองค์ประกอบที่สามแบ่งเป็น 8 ชั้น
และต่อไปเรื่อย ๆ จนชั้นของของไหลมีขนาดเล็กมาก ทำให้ผสมกันอย่างทั่วถึงโดยทั่วไปจะใช้ 12–24 องค์ประกอบเพื่อให้ผสมสมบูรณ์ คุณภาพของการผสมขึ้นอยู่กับเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อและจำนวนองค์ประกอบเท่านั้น ไม่ขึ้นกับอัตราการไหลหรือความหนืดของของเหลว
2. ของเหลว/ของเหลว แบบปั่นป่วน (Turbulent Flow, Re > 2000)
กลไกหลัก: การผสมในแนวรัศมี (Radial Mixing)

ในสภาวะปั่นป่วน ความหนืดของของไหลลดลง รูปทรงขององค์ประกอบผสมจะสร้างการหมุนวนของของไหลสลับทิศทางกันทุกชั้น ทำให้ของไหลเคลื่อนจากศูนย์กลางท่อไปยังผนังท่อและกลับไปซ้ำ ๆ เกิดการผสมทั่วทั้งหน้าตัดของท่อ ใช้จำนวนองค์ประกอบเพียง 1.5–4 ชิ้นก็เพียงพอสำหรับการผสมสมบูรณ์ในกรณีนี้
3. ของเหลว/ของเหลว ที่ผสมกันไม่ได้ (Immiscible Fluids)
การผสมในแนวรัศมีช่วยลดความต่างของอัตราไหลและแรงเฉือน ทำให้ได้หยดของเหลวที่มีขนาดเฉลี่ยสม่ำเสมอ โดยประมาณ 80% ของหยดทั้งหมดมีขนาดใกล้เคียงกันภายใน ±20% ของค่ากลาง โดยขนาดหยดเฉลี่ยจะขึ้นอยู่กับความเร็วการไหล และจะคงที่หลังผ่านองค์ประกอบประมาณ 4 ชิ้น
4. แก๊ส/ของเหลว (Gas–Liquid)
ใช้หลักการเดียวกับของเหลวที่ผสมกันไม่ได้ โดยแก๊สจะกระจายตัวเป็นฟองเล็ก ๆ ในของเหลวอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสและอัตราการถ่ายเทมวลระหว่างสองเฟส ฟองอากาศส่วนใหญ่ (~80%) จะมีขนาดใกล้เคียงกัน ±20% ของค่าเฉลี่ย และจะได้ขนาดฟองคงที่หลังผ่านองค์ประกอบประมาณ 4 ชิ้น
5. แก๊ส/แก๊ส แบบปั่นป่วน (Gas–Gas Turbulent Flow)
แก๊สมีความหนืดต่ำ จึงใช้หลักการผสมเดียวกับกรณีของของเหลว/ของเหลวแบบปั่นป่วน
6. ของแข็ง/ของแข็ง (Solid–Solid)
ทั้งกลไก การแบ่งการไหลและการผสมในแนวรัศมี มีบทบาทสำคัญในการผสมอนุภาคของแข็งที่ไหลได้อิสระ อย่างไรก็ตาม การผสมในกรณีนี้มีความซับซ้อนมาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อคุณภาพของการผสม จึงยังเป็นหัวข้อที่ต้องการการศึกษาเพิ่มเติม
โดยทั่วไปของไหลที่ต้องการผสมจะเป็นของเหลว แต่เครื่องผสมแบบสถิตก็สามารถใช้ในการ
- ผสมกระแสก๊าซเข้าด้วยกัน
- กระจายก๊าซลงในของเหลว
- หรือผสมของเหลวที่ไม่สามารถละลายเข้ากันได้ (Immiscible liquids)
พลังงานที่ใช้ในการผสมมาจาก การสูญเสียความดัน (Pressure drop) ที่เกิดขึ้นเมื่อของไหลไหลผ่านเครื่องผสม
ประเภทหลักของ Static Mixer
1. LPD / LLPD (Low Pressure Drop)
- ใช้สำหรับ ของไหลความหนืดต่ำ และการไหลแบบปั่นป่วน (Turbulent flow)
- ออกแบบเป็นแผ่นโค้งครึ่งวงรีต่อกันสองแผ่นตั้งฉาก (90°)
- ของไหลจะถูกแบ่งและหมุนสลับทิศ ทำให้ผสมสม่ำเสมอในท่อสั้น ๆ
- รุ่น LLPD ปรับมุมเป็น 120° เพื่อลดแรงดันตกคร่อมลง ~46%
- ใช้วัสดุ สแตนเลส 304/316, คาร์บอนสตีล หรือเคลือบเทฟลอน/Kynar สำหรับสารเคมีรุนแรง
ขนาดท่อทั่วไป: ½” – 24”
จำนวนใบผสม: 4–6 ใบ สำหรับการไหลความหนืดต่ำ
แรงดันตกคร่อม: ต่ำมากเมื่อเทียบกับ mixer แบบกล
การใช้งานของ LPD/LLPD
- ผสมน้ำมันเชื้อเพลิงต่างเกรด
- ผสมเรซินเหลวหลายชนิด
- การเจือจางสารเข้มข้น
- ระบบบำบัดน้ำและน้ำเสีย
- การทำอิมัลชันน้ำ/น้ำมัน
- การควบคุมค่า pH
- การผลิตไบโอดีเซล
- การเติมสารตกตะกอน (Flocculant)
- การผสมสารเร่งปฏิกิริยา
ตัวอย่างจริง: ใช้ผสมน้ำกับกรดเกลือ (HCl) อัตราส่วน 1:15 ได้ผลต่อเนื่องที่อุณหภูมิ 100°F
การใช้งานแบบสุขอนามัย (Sanitary Applications)
- ใช้ในอุตสาหกรรม อาหาร ยา เครื่องสำอาง
- ออกแบบให้ ถอดล้างได้ง่าย (Quick disconnect / Tri-clamp)
- ทำจาก SUS316 ผิวขัดมัน (#4 หรือ Mirror finish)
- ไม่มีรอยต่อสะสมสิ่งสกปรก
ตัวอย่าง: ใช้ในโรงกลั่นเชื้อเพลิงเพื่อให้ผสมสารเติมแต่งและน้ำมันเบนซินได้สม่ำเสมอในระยะท่อสั้นกว่าปกติ
การไหลแบบหนืดสูงและช้า (Laminar Flow)
เมื่อความหนืดสูงหรืออัตราการไหลต่ำ การผสมใน LPD/LLPD อาจไม่พอ ต้องใช้ ISG Static Mixer
Interfacial Surface Generator – ISG
- ออกแบบพิเศษสำหรับ ของไหลหนืดสูงหรือการไหลแบบชั้น (Laminar flow)
- องค์ประกอบเป็นแท่งตัน มีรูเฉียง 4 รู และต่อกันเป็นห้องรูปเตตระฮีดรอน
- เมื่อของไหลผ่านแต่ละชิ้น จะถูกแบ่งเพิ่มแบบทวีคูณ:
- หลังผ่าน 1 ชิ้น → 8 ชั้น
- ผ่าน 2 ชิ้น → 32 ชั้น
- ผ่าน 3 ชิ้น → 128 ชั้น
⇒ 10 ชิ้น → มากกว่า 2 ล้านชั้น
- ทำให้ได้การผสมที่ละเอียดมากภายในท่อสั้น
- ใช้ได้ทั้ง Laminar และ Turbulent flow ที่มีพื้นที่จำกัด
- ถอดออกมาทำความสะอาดได้ เหมาะกับงานสุขอนามัย
วัสดุ: SUS, PP, หรือ Teflon
ขนาด: ⅝” – 6” พร้อมข้อต่อ Flange, Thread, หรือ Tri-clamp
ตัวอย่างการใช้งาน ISG
- การผสมสี
- การผลิตอิมัลชันขนาดไมครอน
- การผสมเรซิน–ตัวเร่ง (Resin-catalyst)
- การผลิตคอมโพสิตเสริมใย (FRP)
- การฉีดขึ้นรูป (Injection molding)
- การผสมเจลหรือครีมในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
กรณีศึกษา
การผลิตเจลเครื่องสำอางแบบอิมัลชัน
- ผสมของเหลวหนืด 121,000 cP ด้วย ISG Mixer ที่อัตราการไหล 4.75 gpm
- ขนาดหยดลดจาก 19.46 → 4.07 ไมครอน ในการผ่านเพียงครั้งเดียว
- เมื่อเพิ่มอัตราการไหลเป็น 6.6 gpm ได้ขนาดหยดเพียง 2.56 ไมครอน
ปัจจัยควบคุมการออกแบบ
- สามารถผลิตจาก PVC, PP, PVDF, SUS304, SUS316, FRP ตามชนิดของของไหลและสภาพการใช้งาน
- ขนาดท่อและจำนวนองค์ประกอบผสม (Mixing elements) จะขึ้นอยู่กับอัตราการไหล ความหนืด และระดับการผสมที่ต้องการ
- การออกแบบจะคำนวณให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ค่าแรงดันตกคร่อม (Pressure drop) ที่ยอมรับได้
วัสดุที่ใช้ผลิตองค์ประกอบผสมโดยทั่วไป ได้แก่
- สแตนเลส (Stainless Steel)
- โพรพิลีน (Polypropylene)
- เทฟลอน (Teflon)
- พีวีดีเอฟ (PVDF)
- พีวีซี (PVC)
- ซีพีวีซี (CPVC)
- โพลีอะซีทัล (Polyacetal)
สำหรับการออกแบบรุ่นใหม่ล่าสุด จะใช้องค์ประกอบผสมที่ทำจาก เหล็กเคลือบแก้ว (lass-lined steel) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์.
